เช็คก่อนปลอดภัยก่อน 10 สัญญาณเตือนของร่างกาย ที่กำลังบ่งบอกว่าสุขภาพของคุณกำลังแย่ลงเข้าไปทุกที

5:51 PM
เช็คก่อนปลอดภัยก่อน 10 สัญญาณเตือนของร่างกาย ที่กำลังบ่งบอกว่าสุขภาพของคุณกำลังแย่!!
แต่ละวันเราต้องหมกมุ่น วุ่นวายกับการทำงานหรือกิจกรรมต่างๆมากมาย จนไม่มีเวลาดูแลสุขภาพของตัวเอง รู้หรือไม่ว่า ร่างกายของคนเรานั้นมีการเสื่อมลงเรื่อยๆตามกาลเวลา ซึ่งหากไม่มีการใส่ใจ อาจนำมาซึ่งโรคร้ายต่างๆได้ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะภายในร่างกาย ยังสามารถเป็นสัญญาณเตือนคุณได้ด้วยว่า ขณะนี้สุขภาพของคุณต้องประสบกับปัญหาอะไรบ้าง จะมีลักษณะอาการอย่างไรนั้น ไปดูกันเลย

1.ตาขาว หากสังเกตดวงตาพบว่ามีสีออกเหลืองบ่งบอกได้ว่า ร่างกายกำลังเผชิญกับโรคดีซ่าน มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ แต่ถ้าเป็นสีแดงจะเป็นสัญญาณของโรคเยื่อบุตาอักเสบจากเชื้อไวรัส (hypertensiofaces)
2. ริมฝีปากแตก เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอากาศ แต่หากริมฝีปากแตกจนเป็นแผลทั้งในและนอก นั่นเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังขาดวิตามิน บี และสังกะสี ทำให้ติดเชื้อราได้ง่าย
3.ผมหงอกขาวขึ้นก่อนอายุ 40 โดยปกติผลหงอกจะเกิดขึ้นในวัย 40 ปีขึ้นไป แต่หากพบว่าเป็นก่อนหน้านี้แสดงว่าคุณอาจเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้
4. ปาน ความจริงแล้วมันไม่มีอันตรายใดๆต่อร่างกาย แต่ก็ควรพึงระวังไว้ หากร่างกายมีการตากแดดบ่อยๆ รังสียูวีจากแดดอาจทำให้ไฝหรือปานลุกลามกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้
5. เล็บ หากเล็บของคุณมีสีขาว บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับตับ เช่น โรคตับอักเสบ หากเล็บมีสีแดงก็จะเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
6. คอบวม หากพบอาการนี้แสดงว่าต่อมไทรอยด์กำลังมีปัญหา ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงวัย 20-50 ปี ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
7. ผื่นแดงขึ้นตามฝ่ามือ อาจเกิดจากแพ้สารอาหารพวกสังกะสี เป็นผลมาจากโรคผิวหนัง เกิดขึ้นจากการที่คุณใช้แรงมากจนเกินไป อนาคตอาจมีปัญหาเกี่ยวกับตับตามมาได้
8.รอยแดงที่หน้า ผิวหนังบริเวณใบหน้าอาจเกิดการเปลี่ยนสีได้อย่างกะทันหัน มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากพบว่าแก้มมีสีแดงเหมือนสีดอกกุหลาบ นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่า คุณอาจจะป่วยเป็นโรคโรซาเซีย ซึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง โดยส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิง
9. คิ้วร่วง หากพบว่าคิ้วร่วงผิดปกติ นั่นหมายความว่าต่อมไทรอยด์ของคุณกำลังมีปัญหา
10. อาการเท้าเย็น หากคุณเท้ามีอาการอ่อนแรง เย็น ชา นั่นบ่งบอกได้ว่า ร่างกายของคุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด
Credited: Patjaa

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »